วนศาสตร์ชุมชนและการจัดการป่าไม้เขตร้อนในเอเชีย

Wil de Jong

        

มาร์ค พอฟเฟนเบอร์เกอร์ บรรณาธิการ
ผู้พิทักษ์ป่าไม้: ทางเลือกสำหรับการจัดรูปที่ดินในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เวสต์ ฮาร์ทฟอร์ด คอนเนติกัต สหรัฐอเมริกา/ สำนักพิมพ์ คูแมเรียน / 1990

เอ็ม วิคเตอร์, ซี แลง และ เจฟฟ์ บอร์นไมเออร์ บรรณาธิการ
วนศาสตร์ชุมชนบนทางหลายแพร่ง: ข้อคิดและทิศทางในอนาคตของการพัฒนาวนศาสตร์ชุมชน
กรุงเทพฯ /รายงานของศูนย์ฝึกอบรมวนศาสตร์ชุมชน (RECOFTC) ฉบับที่ 16 /1998
http://www.recoftc.org/pubs_interreports.html#Crossroads

ชาร์ มิลเลอร์ บรรณาธิการ
ความเป็นมาของป่าไม้ในเอเชีย
ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม ฉบับพิเศษ 6(2)/2001
[ ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม เป็นวารสารชั้นแนวหน้าระดับโลกสำหรับนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ และผู้ ปฎิบัติงานที่ติดตามข่าวคราวพัฒนาการใหม่ ๆ ในศาสตร์ใหม่ที่น่าสนใจอย่างยิ่งศาสตร์นี้ วารสารฉบับดังกล่าวเป็นวารสารราย 3 เดือน ซึ่งตีพิมพ์บทความจากทั่วโลกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปฎิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และโลกธรรมชาติ และรวบรวมเนื้อหา สหสาขา อาทิ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ชาติพันธุ์วิทยา วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ]

คริสโตเฟอร์ บารร์ และไอดา อาจู ปราด์นจา เรโซซูดาร์โม
การกระจายอำนาจการบริหารป่าไม้ในอินโดนีเซีย: นัยยะต่อความยั่งยืนของป่าไม้ การดำรงชีพของชุมชน และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
โบกอร์ อินโดนีเซีย / ศูนย์วิจัยวนศาสตร์นานาชาติ (CIFOR) วารสารรายสะดวก/กำหนดจะตีพิมพ์เร็วๆนี้

เป็นเวลาประมาณสามสิบปีมาแล้วที่มีการถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนว่าการดูแลป่าไม้เขตมรสุมในเอเชียควรเป็นหน้าที่ของใคร  หน้าที่ดังกล่าวรวมถึงความรับผิดชอบรักษาให้ป่าอยู่ในสภาพที่ดี  ตลอดจนสิทธิในการหาประโยชน์จากผลผลิตจากป่า   ขณะที่ฝ่ายหนึ่งเห็นว่าหน้าที่ดังกล่าวควรตกเป็นของชุมชนที่มีถิ่นฐานอยู่ในป่าหรือบริเวณใกล้เคียง    อีกฝ่ายหนึ่งกลับไม่เห็นว่าเป็นการเหมาะสม   บทความนี้จะสรุปที่มาและที่ไปของข้อถกเถียงดังกล่าวซึ่งเป็นสาระในบทความทั้งสี่บทความข้างต้น

ผู้สนับสนุนแนวคิดเรื่องวนศาสตร์ชุมชน  เช่น องค์การนอกภาครัฐต่าง ๆ ได้ชี้ให้เห็นว่าชุมชนซึ่งมีถิ่นที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่ห่างไกลของประเทศต่าง ๆ  อาทิ อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ได้มีการจัดการด้านป่าไม้มานานนับศตวรรษแล้ว  ผู้เขียนบทความหลายคนได้ยกตัวอย่างกลวิธีการจัดการป่าไม้ในระดับชุมชนที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในยุคก่อนอาณานิคม    ซึ่งในท้ายที่สุดก็ไม่อาจจะต้านกระแสการแสวงหาผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่สิบเก้า  ในยุคอาณานิคมนี่เองที่เริ่มมีการก่อตั้งกรมป่าไม้ต่าง ๆ ขึ้น    ในปัจจุบันกรมป่าไม้เหล่านี้กลับเป็นผู้ที่คลางแคลงต่อการจัดการป่าไม้ของชุมชนในอดีต

รัฐบาลหลังยุคอาณานิคมโดยความสนับสนุนขององค์กรระหว่างประเทศยังคงเชื่อในวิธีการจัดการป่าไม้แบบสมัยใหม่และ แสวงหาประโยชน์ต่อไป   จนกระทั่งเมื่อวาทกรรมการพัฒนาเริ่มตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของความเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีต่อทรัพยากรธรรมชาติและสภาวะแวดล้อม   พอในช่วงทศวรรษ 1980 ได้เกิดความคิดที่จะให้ชุมชนกลับไปมีส่วนรับผิดชอบต่อป่าไม้เขตร้อน เพื่อประโยชน์ในการดำรงชีพ และการรักษาสภาพป่า   พอถึงทศวรรษที่ 1990 ได้เกิดแนวคิดเรื่องวนศาสตร์ชุมชนขึ้นควบคู่ไปกับแนวโน้มที่จะกระจายอำนาจการปกครอง    แต่ผลที่เกิดขึ้นกับกลายเป็นการมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น   ทั้งนี้เพราะเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นซึ่งเพิ่งจะเข้ามารับผิดชอบและบรรดาผู้ที่มีอำนาจในหมู่บ้านต่างหวังผลประโยชน์จากสัมปทานป่าไม้และการทำไร่ปาล์มน้ำมัน

แม้จะมีตัวอย่างที่ดีให้เห็น ดังเช่นในประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งมีพื้นที่เกือบ สามล้านเฮ็คเตอร์ (ประมาณเกือบ 30,000 ตารางกิโลเมตร) อยู่ในความควบคุมของชุมชน   ภาพที่เห็นส่วนใหญ่ก็คือเจ้าหน้าที่ส่วนกลางยังคงลังเลที่จะสละแหล่งรายได้ที่งดงาม   หากจะยอมสละความรับผิดชอบให้กับส่วนท้องถิ่นก็มักจะในกรณีที่ป่าเสื่อมโทรมแล้ว  ซึ่งกลายเป็นภาระให้กับชุมชนท้องถิ่นมากกว่าที่จะเอื้อประโยชน์    โครงการในอนาคตจำต้องตระหนักไว้ว่าขณะนี้ป่าไม้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าและมีคนจำนวนมากขึ้นทุกทีที่มีส่วนได้ส่วนเสีย     ดังนั้นหากได้รับผลตอบแทน  ชุมชนท้องถิ่นอาจจะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูสภาพป่า  ทว่าความซับซ้อนในเรื่องของสิทธิและผลประโยชน์เผยให้เห็นว่าอนาคตขึ้นอยู่กับการจัดการร่วม   การต่อสู้จะเปลี่ยนเป้าหมายจากที่ว่าใครจะเป็นผู้ควบคุมมาเป็นทำอย่างไรให้การจัดการในระดับชุมชนได้ผลและเป็นที่สนใจของชุมชนต่างๆ  โดยในขณะเดียวกันจะต้องสนองความต้องการของชุมชนอื่นด้วย

วิล ดี จง
Wil de Jong is a scientist at the Center for International Forestry Research in Bogor, Indonesia. He can be reached at w.de-jong@cgiar.org

Read the full unabridged article HERE

Kyoto Review of Southeast Asia. Issue 2 (October 2002). Disaster and Rehabilitation

issue_2_banner_small