ทำความเข้าใจทิก ถี กวาง: ลักษณะแบบมาเคียเวลลีในทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ

Kevin Pham

“ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ” เป็นหัวข้อใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจในหมู่นักวิชาการด้านทฤษฎีการเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษตามมหาวิทยาลัยในทวีปอเมริกาเหนือ  บทความนี้ต้องการอธิบายให้เห็นว่า ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธสามารถช่วยให้ชาวตะวันตกสะสางความสับสนเกี่ยวกับความคิดทางการเมืองของทิก ถี กวาง (1923-2019) พระภิกษุชาวเวียดนามผู้มีบทบาทจนได้รับความสนใจจากสื่อกระแสหลักอเมริกันในช่วง “สงครามเวียดนาม”

การค้นชื่อของทิก ถี กวางในคลังเอกสารดิจิทัลของ New York Times จะได้บทความอย่างน้อยสามร้อยชิ้นที่เขียนมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 1960  ในปี 1966 ทิก ถี กวางได้ขึ้นปกนิตยสาร Time พร้อมกับบทความเด่นเกี่ยวกับตัวเขา  ผู้อ่านถูกโน้มน้าวให้มองว่าเขาเป็น “มันสมองเบื้องหลังขบวนการประท้วงของชาวพุทธ” 1 “พระภิกษุในพุทธศาสนาผู้มากบารมี ซึ่งช่วยโค่นล้มรัฐบาลในเวียดนามใต้ที่สหรัฐอเมริกาหนุนหลังในช่วงที่ประเทศนี้ถูกทำลายด้วยสงครามในสมัยทศวรรษ 1960 และผลักดันให้ประเทศมีประชาธิปไตยพร้อมกับเสรีภาพในการนับถือศาสนา” 2 และคงอยากรู้ข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับบุคคลทรงอิทธิพลที่สามารถสกัดขวางความพยายามของรัฐบาลอเมริกันในเวียดนามใต้

ความสนใจที่มีต่อทิก ถี กวางอีกส่วนหนึ่งเกิดจากข้อถกเถียงที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดทางการเมืองของเขา  เขาดูเหมือนเป็นนักคิดทางการเมืองที่เข้าใจยาก สร้างปริศนา และไม่คงเส้นคงวา  ผู้สันทัดกรณีชาวเวียดนามและชาวอเมริกันในสมัยนั้น รวมทั้งนักวิชาการในตะวันตกสมัยต่อมาพยายามจะกำหนดนิยามการเมืองของเขา ทำให้เขาถูกแปะป้ายฉลากที่ย้อนแย้งกันเอง อาทิ คอมมิวนิสต์ ต่อต้านคอมมิวนิสต์ รักสันติ กระหายสงคราม 3 นิตยสาร Time ลงความเห็นว่าทิก ถี กวางเป็นคนที่ “หิวหาอำนาจอย่างแรงกล้า” และขนานฉายาเขาว่า มาเคียเวลลีชาวเวียดนาม 4 James McAllister แย้งว่า ทิก ถี กวางไม่ใช่ “ผู้นำศาสนารักสันติที่อุทิศตัวเพื่อประชาธิปไตยและการยุติสงครามอย่างรวดเร็ว” ดังที่ฝ่ายซ้ายนำเสนอ และไม่ใช่ “สายลับฝ่ายคอมมิวนิสต์” ดังที่ฝ่ายขวากล่าวหา 5 McAllister ลงความเห็นว่า อันที่จริงนั้น ทิก ถี กวางเป็นฝ่ายต่อต้านคอมมิวนิสต์และเห็นชอบต่อการใช้อำนาจกองทัพอเมริกันต่อสู้กับเวียดนามเหนือ  New York Times ตีตราทิก ถี กวางเป็น “คนหลงตัวเอง” 6 และ “น่าประทับใจ แต่ไม่น่าวางใจ” 7 กระนั้นก็ตาม เราก็ยังหาความชัดเจนไม่ได้อยู่ดีว่าแรงจูงใจทางการเมืองของทิก ถี กวางคืออะไร

Embed from Getty Images

ขณะที่สื่อตะวันตกพยายามจำแนกแจงแจงแนวคิดทางการเมืองของทิก ถี กวาง แต่ดูเหมือนสื่อเหล่านั้นกลับมองข้ามเรื่องที่ชัดเจนที่สุดเกี่ยวกับตัวทิก ถี กวางไป นั่นคือ เขาเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา และความเชื่อทางพุทธศาสนาย่อมมีอิทธิพลหรืออธิบายความคิดทางการเมืองของเขาได้  การตีความทิก ถี กวางในสายตาของตะวันตกพลาดตรงที่ไม่ได้พิจารณาวิธีคิดทางการเมือง แนวพุทธ ที่แตกต่างออกไป  เราอาจชี้ชัดถึงรูปแบบอุดมการณ์แนวพุทธที่มีอิทธิพลต่อตัวเขาอย่างเฉพาะเจาะจงได้ยากก็จริง  อย่างไรก็ตาม เราสามารถพิจารณาว่าทิก ถี กวางเป็น “ชาวพุทธ” ในความหมายกว้างที่สุด ทั้งยังเป็นคนที่ไม่ต้องการเน้นย้ำความแตกต่างระหว่างอุดมการณ์แนวพุทธสำนักต่างๆ ด้วย ทั้งนี้เพราะเขาเป็นผู้นำคนสำคัญของ Viện Hóa Đạo (สภาบริหารกลาง) ซึ่งเป็นฝ่ายการเมืองขององค์การสหพุทธจักร (Unified Buddhist Church) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างพุทธศาสนานิกายต่างๆ ในเวียดนาม

การวิเคราะห์ความคิดทางการเมืองของทิก ถี กวางจากมุมมองของทฤษฎีการเมืองแนวพุทธจะช่วยอธิบายความคลาดเคลื่อนขัดแย้งในการตีความข้างต้นได้  การเมืองของเขามีแนวทางสอดคล้องกับทฤษฎีการเมืองแนวพุทธและแสดงออกอย่างชัดเจน  เมื่อเราเข้าใจหลักการสำคัญของทฤษฎีการเมืองแนวพุทธแล้ว กล่าวคือ หากต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ก็ควรยุ่งเกี่ยวอย่างมียุทธศาสตร์และมุ่งสัมฤทธิ์ผลในฐานะวิธีการอันนำไปสู่เป้าหมายคือความรู้แจ้งของคนทั้งปวง เราก็จะเข้าใจความคิดทางการเมืองของทิก ถี กวางได้ดีขึ้น

ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ

นักวิชาการ “ทฤษฎีการเมืองเปรียบเทียบ” ซึ่งเป็นสาขาย่อยเกิดใหม่ของสาขาวิชาการด้านทฤษฎีการเมือง เพิ่งสำรวจทัศนะท่าทีต่อการเมือง “แนวพุทธ” 8 ถึงแม้ “พุทธศาสนา” เป็นจารีตที่กว้างใหญ่และหลากหลาย  แต่ก็พอสรุปรวมแนวคิดกว้างๆ ถึงทัศนะท่าทีที่มีต่อการเมือง เช่นเดียวกับที่เราพอกล่าวได้ว่า “ศาสนาคริสต์” ให้กำเนิดจารีตการเมืองแบบเสรีนิยม  จากข้อสรุปของนักทฤษฎีการเมือง Matthew Moore พุทธศาสนามีลักษณะต่อต้านการเมืองอย่างเปิดเผยโดยไม่ได้มีแนวคิดแบบอนาธิปไตยเลย 9 เขาแจกแจงให้เห็นว่า ชาวพุทธมักมองการเมืองเป็นกิเลสที่เปิดช่องให้อัตตาขยายใหญ่จนควบคุมยาก เป็นสิ่งที่ทำให้เสียเวลาและเสียแรง และถึงที่สุดแล้วไม่มีความสำคัญอะไรเลย  สำหรับพุทธศาสนิกชน การข้องแวะพัวพันกับการเมืองเป็นอุปสรรคต่อมรรคาสู่ความรู้แจ้ง (ตรงกันข้ามกับจารีตปรัชญาตะวันตก ซึ่งมักมีทัศนะว่าการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองเป็นส่วนหนึ่งของการมีชีวิตที่ดี)  กาว ฮุย ถ่วน ศิษย์คนหนึ่งของทิก ถี กวาง สรุปรวบยอดไว้ว่า “วัดไม่ยุ่งการเมือง: ทัศนะแบบพุทธข้อนี้หนักแน่นแน่นอนดุจดังตะปูที่ตอกติดกำแพง…..การเมืองเป็นอาณาเขตของ “มือสกปรก” ที่เรา [ชาวพุทธ] รังเกียจ” 10

อย่างไรก็ตาม Moore ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้ชาวพุทธดูแคลนความสำคัญที่การเมืองมีต่อชีวิตที่ดี  แต่ชาวพุทธก็เข้าใจดีว่าการเมืองเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้และบางครั้งก็มีความจำเป็นในชีวิตทางสังคมเช่นกัน  ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธยืนยันว่า เราควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองต่อเมื่อการทำเช่นนั้นจะช่วยสร้างเงื่อนไขทางสังคมและการเมืองที่เอื้อให้ปัจเจกบุคคลได้บ่มเพาะจิตวิญญาณและเข้าถึงการรู้แจ้งได้ดียิ่งขึ้น  ชาวพุทธมองว่า “รัฐบาลบางรูปแบบช่วยอำนวยให้ความขัดแย้งทางสังคมลดระดับลงและป้องกันความเสื่อมถอยทางจิตวิญญาณของปัจเจกบุคคลได้มากกว่ารัฐบาลรูปแบบอื่น” 11 สิ่งที่แตกต่างจากจารีตเสรีนิยมของตะวันตกก็คือ ความชอบธรรมทางการเมืองสำหรับชาวพุทธนั้น “ไม่เกี่ยวกับการให้ความเคารพตามสมควรต่อความมีอิสระของตัวตนที่มีเหตุผล แต่เกี่ยวกับการสร้างเงื่อนไขที่เอื้อให้มนุษย์ได้เจริญจิตวิญญาณต่างหาก” 12 กล่าวโดยสรุปก็คือ สำหรับทฤษฎีการเมืองแนวพุทธนั้น การเมืองควรเป็น วิธีการเพื่อไปสู่เป้าหมายอันเป็นความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของคนทั้งปวง  การเน้นย้ำที่ความเท่าเทียมของโอกาสสำหรับชีวิตทางจิตวิญญาณสะท้อนหลักสมภาคนิยมของพระพุทธเจ้าและการที่ศาสนาพุทธท้าทายต่อระบบวรรณะของฮินดู  เมื่อตระหนักในข้อนี้แล้ว คราวนี้เราสามารถเข้าใจแนวทางต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ของทิก ถี กวาง  เขาต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์เพราะเขาคิดว่าปัจเจกบุคคลจะถูกกีดกันจากการบ่มเพาะชีวิตทางจิตวิญญาณเมื่ออยู่ภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์  ทิก ถี กวางกล่าวไว้ในปี 1963 ว่า “เช่นเดียวกับชาวพุทธผู้มีการศึกษาทุกคน ข้าพเจ้าไม่ชอบลัทธิคอมมิวนิสต์เพราะมันไม่มีศาสนา” 13

Embed from Getty Images

ลักษณะแบบมาเคียเวลลีของทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ

คราวนี้เราสามารถทำเข้าใจลักษณะแบบมาเคียเวลลีของทิก ถี กวางในการพูดเกี่ยวกับการเมืองได้มากขึ้น รวมไปถึงเหตุผลที่นิตยสาร Time ขนานฉายาเขาว่ามาเคียเวลลีชาวเวียดนาม  มาเคียเวลลีมีชื่อเสียงในด้านแนวคิดเกี่ยวกับการเมืองที่เน้นผลสัมฤทธิ์ในภาคปฏิบัติ ไม่มีหลักการ และใช้ “เป้าหมายตัดสินวิธีการ” นี่ทำให้มาเคียเวลลีไปกันได้กับทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ  สำหรับมาเคียเวลลี การเมืองคือวิธีการไปสู่เป้าหมายของการมีความมั่นคงและเสถียรภาพทางการเมือง  สำหรับทิก ถี กวาง การเมืองคือวิธีการไปสู่เป้าหมายของการมีรัฐบาลที่เอื้ออำนวยต่อความเจริญทางจิตวิญญาณสำหรับคนทั้งปวง  ทิก ถี กวางไม่ใช่คนที่ “หิวหาอำนาจอย่างแรงกล้า” ดังที่นิตยสาร Time แปะป้าย แต่เขาเข้าใจว่าบางครั้งการต่อสู้เพื่อได้มาซึ่งอำนาจก็จำเป็นถ้ามันจะช่วยสร้างเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อชีวิตทางจิตวิญญาณ

มาเคียเวลลีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในแง่ของแนวคิดที่ยืนยันว่า ควรใช้ความรุนแรงและความโหดร้าย อย่างรวดเร็ว และเพื่อความมั่นคงทางการเมืองเท่านั้น  ในทำนองเดียวกัน ทิก ถี กวางก็อ้างเหตุผลว่า การทิ้งระเบิดใส่เวียดนามเหนือควร “กระทำในระยะเวลาสั้นๆ และเพิ่มความเข้มข้นอย่างรวดเร็ว เพื่อบีบให้เวียดนามเหนือแสดงปฏิกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาโดยเร็วที่สุด และป้องกันมิให้พวกคอมมิวนิสต์มีเวลาเพียงพอที่จะเตรียมตัวทั้งในด้านจิตวิทยาและการทหาร” 14 ทิก ถี กวางยอมรับว่า สำหรับผู้นำชาวพุทธนั้น การสนับสนุนความรุนแรงออกจะเป็นเรื่องผิดเพี้ยน  กระนั้นก็ตาม เขาเข้าข้างการใช้ “มาตรการทางทหารที่แข็งกร้าว” เพราะเขารู้สึกว่า “ถ้าสงครามยืดเยื้อต่อไปในระดับที่เป็นอยู่  จะมีการสูญเสียชีวิตมากกว่าที่อาจเกิดขึ้นในการโจมตีที่อำมหิตกว่า แต่รวดเร็วและใช้ระยะเวลาสั้นกว่า” 15 ด้วยเหตุนี้ ทิก ถี กวางจึงไม่ใช่เหยี่ยวกระหายสงคราม เขาแค่แสดงออกตามทฤษฎีการเมืองแนวพุทธที่เน้นวิธีการเชิงยุทธศาสตร์เพื่อบรรลุเป้าหมาย  เขาคิดว่าความรุนแรงเป็นสิ่งที่อนุญาตให้ใช้ได้ถ้าจำเป็น  “เมื่อข้าพเจ้าติดต่อกับผู้นำในศาสนาอื่น  ข้าพเจ้ายืนยันว่า ถ้าจำเป็น การต่อสู้ในสงครามศาสนาพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของฝ่ายที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่อันที่จริงแล้วไม่มีความขัดกันของผลประโยชน์เลย” 16

สำหรับมาเคียเวลลี ความรู้ทางการเมืองควรได้มาด้วยวิธีการอุปนัย  เราควรดูตัวอย่างจากในโลกความเป็นจริง  แล้วจากนั้นจึงสรุปเป็นกฎทั่วไปว่าการเมืองดำเนินไปอย่างไร (ตรงกันข้ามกับวิธีการนิรนัย เช่น เพลโต ซึ่งตั้งสมมติฐานทั่วไปเกี่ยวกับธรรมชาติของจักรวาลและธรรมชาติมนุษย์มาจัดระเบียบข้อเท็จจริงและมีข้อสรุปไว้แล้วล่วงหน้า)  การแสดงความคิดเห็นของทิก ถี กวางเกี่ยวกับการเมืองมักแสดงให้เห็นแนววิธีแบบอุปนัยและการอาศัยพื้นฐานจากประสบการณ์อันนำไปสู่ความรู้ทางการเมือง  เมื่อมีผู้ถามเขาว่า ผู้บริหารประเทศสูงสุดควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรงหรือไม่  ทิก ถี กวางตอบว่า เขาเห็นว่าผู้นำควรมาจากรัฐสภามากกว่าเพราะ “ประสบการณ์แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีหรือประธานาธิบดีที่ได้รับการเลือกตั้งจากสิทธิการลงคะแนนเสียงถ้วนหน้ากลับมิได้เป็นตัวแทนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง” 17

ด้วยแนวคิดสัมฤทธิ์ผลนิยมเชิงปฏิบัติของทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ ทิก ถี กวางจึงไม่มีข้อคัดค้านเชิงหลักการต่อสหรัฐอเมริกา  เขาวิพากษ์วิจารณ์ชาวอเมริกันที่ไม่สามารถแยกแยะ “ระหว่างลัทธิต่อต้านชาวอเมริกันกับการคัดค้านต่อชาวอเมริกัน” 18 อย่างแรกเป็นเรื่องหลักการ ซึ่งเขาเห็นว่าไร้สาระ ส่วนอย่างหลังเป็นเรื่องของภาคปฏิบัติ ซึ่งเขาเห็นว่ามันจำเป็น  “ลัทธิต่อต้านชาวอเมริกันคือความเกลียดชังชาวอเมริกันอย่างฝังใจ ไม่ว่าชาวอเมริกันจะดีสักแค่ไหน…. ส่วนการคัดค้านต่อชาวอเมริกันคือท่าทีของการประท้วงอย่างสร้างสรรค์  สมมติมีคนสองคนนั่งมาด้วยกันในรถยนต์  ถ้าคนหนึ่งเห็นว่าอีกคนขับรถไม่ปลอดภัย คนนั้นก็ควรยึดพวงมาลัยมาขับแทนเพื่อป้องกันไม่ให้รถตกคู….  การคัดค้านต่อชาวอเมริกันที่มาขัดขวางการเลือกตั้งรัฐสภาแห่งชาติ  การคัดค้านต่อชาวอเมริกันที่มาสนับสนุนรัฐบาลฉ้อฉลขี้ข้า  การคัดค้านต่อชาวอเมริกันที่มาช่วยกดขี่ปราบปรามในดานัง”

ทิก ถี กวางยืนยันว่า การมีรัฐสภาแห่งชาติ (Quc Hi) เป็นสิ่งที่จำเป็นในเวียดนามใต้  ประเด็นนี้สะท้อนทัศนะตามทฤษฎีการเมืองแนวพุทธว่า รัฐบาลที่ดีคือรัฐบาลที่เอื้อต่อความเจริญทางจิตวิญญาณสำหรับคนทั้งปวง  ชาวเวียดนามจำเป็นต้องมี “รัฐบาลจากการเลือกตั้งเพื่อสร้างหน้าตาให้ชาติที่สะท้อนความเป็นชาติอย่างแท้จริง” 19 สำหรับทิก ถี กวาง การมีตัวแทนของคนทุกฝ่ายจะช่วยปกป้องชีวิตทางจิตวิญญาณสำหรับคนทั้งปวงได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะสังกัดศาสนาไหน ด้วยเหตุนี้เขาจึงต่อต้านรัฐบาลโง ดิ่ญ เสี่ยม เพราะเขามองว่ารัฐบาลโง ดิ่ญ เสี่ยมเข้าข้างชาวคาทอลิกและกดขี่ชาวพุทธ

Trí Quang died at 9.45 pm on 8 November 2019 in Từ Đàm Pagoda at age 95. Wikipedia Commons

บทสรุป

หากปราศจากความเข้าใจในทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ กล่าวคือ ทัศนะว่าการเมืองเป็นเรื่องไม่สำคัญแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และบางครั้งก็จำเป็นต่อการสร้างเงื่อนไขเพื่อความเจริญทางจิตวิญญาณของปัจเจกบุคคล เราก็จะสับสนงงงวยต่อความคิดทางการเมืองของทิก ถี กวางยิ่งกว่าเดิม  เมื่อปราศจากการอ่านผ่านเลนส์ของทฤษฎีการเมืองแนวพุทธ ข้อเขียนเกี่ยวกับทิก ถี กวางในภาษาอังกฤษก่อนหน้านี้จึงเห็นแต่ภาพของบุคคลทางการเมืองที่เปลี่ยนสีแปลงร่าง เอาแน่เอานอนไม่ได้ กระหายอำนาจ ขัดแย้งในตัวเอง  อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธไม่เน้นหลักการ แต่เน้นความสัมฤทธิ์ผลเชิงปฏิบัติ จึงย่อมหมายความว่าแนวคิดนี้เต็มใจที่จะมีจุดยืนแตกต่างหลากหลายที่ดูเหมือนขัดแย้งกันเองในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ใหญ่กว่าเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง  ดังที่กาว ฮุย ถ่วนสรุปไว้อย่างชัดเจนอีกครั้งว่า

“อาจารย์ของผมพูดหลายภาษา  บ้างกล่าวหาว่าท่านสนับสนุนคอมมิวนิสต์  บ้างกล่าวหาว่าท่านสนับสนุนอเมริกา  มีครั้งหนึ่งที่ท่านสวมหมวกทั้งสองใบพร้อมกัน  ท่านเคยกล่าวต่อเหล่าศิษย์ผู้จงรักเมื่ออยู่ตามลำพังว่า ‘ยิ่งเราสวมหมวกหลายใบ ก็ยิ่งเหมือนเราไม่ได้สวมหมวกเลย ในทางกลับกัน ยิ่งมีหมวกหลายใบก็ยิ่งดี  มันจะช่วยยกย่องและเน้นให้เห็นสถานะพิเศษของพุทธศาสนา  ดังนั้น พุทธศาสนาจึงไม่ควรหลีกหนี แต่ควรโอบรับจุดยืนที่ขัดแย้งกันเองแบบนี้’”

ทิก ถี กวางยังกระตุ้นให้เราคิดด้วยว่า มันมีความหมายเช่นไรในการยึดทางสายกลางท่ามกลางความขัดแย้งโดยไม่เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง  ทิก ถี กวางแสดงให้เราเห็นว่า ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธมีความเหมาะสมต่อจุดยืนนี้ ทั้งนี้เพราะเป้าหมายสุดท้ายที่เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็คือการกระทำที่เอื้อต่อความเจริญทางจิตวิญญาณมนุษย์สำหรับคนทั้งปวง  เขาเข้าใจความจำเป็นที่เวียดนามใต้ต้องมีอัตลักษณ์แห่งชาติ เชิงบวก ไม่ใช่แค่ ต่อต้านคอมมิวนิสต์เฉยๆ  เราควรไตร่ตรองให้มากขึ้นถึงความหมายของการยึด “ทางสายกลาง” ในทุกวันนี้ด้วย  ทฤษฎีการเมืองแนวพุทธของทิก ถี กวางเตือนใจให้เราระลึกว่า เราไม่ควรมองการเมืองเป็นเสมือนการแข่งกีฬาที่แต่ละคนต้องเลือกทีมใดทีมหนึ่ง แต่บางครั้งควรมองว่าการเมืองเป็นวิธีการที่จำเป็นแต่ไม่สำคัญในการบรรลุเป้าหมายที่เป็นความเจริญทางจิตใจของมนุษย์

Kevin Pham
Gettysburg College

Notes:

  1. “Determined Buddhist Tri Quang,” New York Times, September 4, 1963.
  2. Richard Paddock, “Thich Tri Quang, 95, Galvanizing Monk in South Vietnam, Dies,” New York Times, November 20, 2019.
  3. For a review, see James McAllister, “‘Only Religions Count in Vietnam’: Thich Tri Quang and the Vietnam War,” Modern Asian Studies 42, 4 (2008) pp. 751–782.
  4. “Vietnam’s Political Buddhism and the War,” Time, April 22, 1966.
  5. McAllister, “Only Religions Count,” 751.
  6. “Saigon Buddhism: Complex Mixture,” New York Times, April 15, 1966.
  7. “Powerful Buddhist Tri Quang,” New York Times, April 20, 1966.
  8. Matthew J. Moore, Buddhism and Political theory (New York: Oxford University Press, 2016)
  9. Ibid., 2.
  10. Cao Huy Thuần, “Đại lão Hòa thượng Thích Trí Quang: ‘Một trang lịch sử,’” BBC News, November 10, 2019.
  11. Moore, Buddhism, 26.
  12. Ibid.
  13. Quoted in Paddock. See note 2.
  14. McAllister, “Only Religions Count,” 773.
  15. Ibid., 761
  16. Ngo The Vinh, “Ninety Six Minutes with Reverend Thich Tri Quang,” May 5, 1966  https://thuvienhoasen.org/images/file/vXLJaQXt1wgQACli/96-minutes-with-reverend-tri-quang-1966-ntv-pdv-.pdf (accessed October 12, 2021).
  17. “World: A Talk with Thich Tri Quang,” Time, April 22, 1966.
  18. See note 16.
  19. Ibid.