Site icon Kyoto Review of Southeast Asia

การเซาะกร่อนบ่อนทำลายความสุจริตและเป็นธรรมของการเลือกตั้งในกัมพูชา

Prime Minister Hun Sen speaking during the election campaign in Phnom Penh, 2018. Wikipedia Commons

พรรคประชาชนกัมพูชา (Cambodian People’s Party-CPP) รวบอำนาจทางการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2023 โดยได้ที่นั่ง 120 ที่นั่งจากทั้งหมด 125 ที่นั่งในสมัชชาแห่งชาติหรือรัฐสภา[1]  นี่เป็นผลลัพธ์ที่ยิ่งตอกย้ำการครองอำนาจที่เข้มแข็งที่สุดครั้งหนึ่งของพรรคนี้ นับตั้งแต่กัมพูชาหันมาปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคในปี 1991  ส่วนพรรคฝ่ายค้านมีอยู่แค่ชื่อ พวกเขาต้องเผชิญการกดขี่บีบบังคับทั้งในด้านกฎหมาย ราชการ และด้านข่าวสาร ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายความสุจริตและเป็นธรรมของการเลือกตั้ง อีกทั้งยังตีกรอบจำกัดการแข่งขันที่แท้จริง

ระบบหลายพรรคของกัมพูชามีการนำมาใช้โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพปารีส (Paris Peace Agreements) เมื่อปี 1991 ซึ่งยุติความขัดแย้งกับเวียดนาม และวางรากฐานให้ระบอบประชาธิปไตยบนพื้นฐานของค่านิยมแบบเสรีนิยม  องค์การบริหารชั่วคราวแห่งสหประชาชาติในกัมพูชา (United Nations Transitional Authority in Cambodia—UNTAC หรืออันแทก) ทำหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งแบบหลายพรรคที่จัดเป็นครั้งแรกของประเทศนี้ในปี 1993[2]  นับเป็นหมุดหมายของบทตอนใหม่ในภูมิทัศน์ทางการเมืองของกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา พรรคประชาชนกัมพูชาคอยลิดรอนความสุจริตและเป็นธรรมของกรอบการเลือกตั้งแบบหลายพรรคมาตลอด โดยพยายามสร้างความได้เปรียบให้พรรคตนแบบฝังรากลึก  ในช่วงกลางทศวรรษ 1990 ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งมีบทบาทสำคัญในการกดปราบฝ่ายตรงข้าม  เมื่อกัมพูชาก้าวเข้าสู่ทศวรรษ 2000 พรรคประชาชนกัมพูชาเริ่มเปลี่ยนวิธีการไปใช้รูปแบบการควบคุมเชิงสถาบันมากขึ้น  มีการออกกฎหมายการเลือกตั้งที่จำกัดกิจกรรมของพรรคฝ่ายค้าน  ใช้กลไกฝ่ายบริหารและตุลาการเพื่อตัดสินให้พรรคคู่แข่งขาดคุณสมบัติ  และบังคับใช้การเซนเซอร์เป็นวงกว้างเพื่อควบคุมภูมิทัศน์ของสื่อ  ด้วยการปรับแต่งชี้นำกรอบโครงของการเลือกตั้งและวาทกรรมสาธารณะ  พรรคประชาชนกัมพูชาได้สร้างสมอำนาจเป็นปึกแผ่น พร้อมกับลดทอนการแข่งขันในกระบวนการเลือกตั้งของกัมพูชา

Billboard for political party in Kratie Province, Cambodia. Photo: steve estvanik, Shutterstock

ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเลือกตั้งในกัมพูชา

ลักษณะเด่นของการเลือกตั้งในกัมพูชาหลังปี 1993 จนกระทั่งกลางทศวรรษ 2000 ก็คือ การใช้ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง  การใช้ความรุนแรงของพรรคประชาชนกัมพูชามักเชื่อมโยงกับช่วงเวลาเลือกตั้ง  ผู้ตกเป็นเป้าคือสมาชิกของพรรคฝ่ายค้านและฐานเสียง  ถึงแม้พรรคฟุนซินเปก (National United Front for an Independent, Neutral, Peaceful and Cooperative Cambodia–FUNCINPEC) ซึ่งเป็นพรรคนิยมเจ้า จะชนะการเลือกตั้งในปี 1993 แต่ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งปกครองกัมพูชามาตั้งแต่ปี 1985 โดยได้รับการหนุนหลังจากเวียดนาม กลับไม่ยอมลงจากอำนาจ  เรื่องนี้ทำให้เกิดรัฐบาลผสมระหว่างพรรคฟุนซินเปกกับพรรคประชาชนกัมพูชา โดยมีฮุน เซนและเจ้านโรดม รณฤทธิ์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีร่วมกัน[3]

การจัดสรรแบ่งปันอำนาจกันข้างต้นล้มครืนลงในปี 1997 เมื่อฮุน เซนทำรัฐประหารขับไล่เจ้ารณฤทธิ์ออกจากตำแหน่ง  ส่งผลให้มีการประหารชีวิตสมาชิกพรรคฝ่ายตรงข้ามมากกว่า 60 ราย  นี่เป็นหมุดหมายของการรวบอำนาจในยุคต้นของพรรคประชาชนกัมพูชาเพื่อควบคุมทางการเมือง  ฮุน เซนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปเพียงผู้เดียว[4]  ในช่วงใกล้การเลือกตั้งปี 1998 การใช้ความรุนแรงต่อสมาชิกพรรคฟุนซินเปกก่อให้เกิดบรรยากาศของความสะพรึงกลัว ผลักคนจำนวนมากให้ลี้ภัยออกนอกประเทศ  ผู้สมัครรับเลือกตั้งสามารถเข้าถึงสื่อได้อย่างจำกัดด้วย เปิดทางให้พรรคประชาชนกัมพูชาหาเสียงโดยมีคู่แข่งน้อยที่สุด[5]  หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง การประท้วงที่กล่าวหาว่าการเลือกตั้งมีความไม่ชอบมาพากลต้องประสบกับการปราบปรามด้วยความรุนแรงและมีผู้เสียชีวิตหลายราย[6]

ความรุนแรงและการคุกคามข่มขู่ยังคงมีอยู่ก่อนการเลือกตั้งปี 2003  ก่อนการเลือกตั้งคอมมูนในปี 2002 สิ่งที่เป็นเสมือนเค้าลางของการเลือกตั้งทั่วไปปรากฏให้เห็น  นักเคลื่อนไหวฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกสังหาร 15 คน และมีรายงานข่าวแพร่หลายเกี่ยวกับการคุกคามและทำลายทรัพย์สินต่อฐานเสียงของพรรคฟุนซินเปกและพรรคสมรังสี[7]

ถึงแม้ว่าการใช้ความรุนแรงยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆ  เช่น การลอบสังหารขิม สมบ่อ (Khim Sambo) นักหนังสือพิมพ์และผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ในปี 2008[8]  กระนั้นการใช้กำลังทำร้ายร่างกายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองก็เริ่มลดลง พร้อมกับระบอบประชาธิปไตยตั้งมั่นได้มากขึ้นนับตั้งแต่กลางทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา  การใช้ความรุนแรงอย่างเปิดเผยส่วนใหญ่ถูกแทนที่ด้วยการข่มขู่คุกคามในรูปแบบที่ซ่อนเงื่อนกว่า เช่น การแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งเพื่อจำกัดกิจกรรมของพรรคฝ่ายค้าน  การใช้กลยุทธ์เชิงบริหารและตุลาการเพื่อลดความสำคัญของพรรคฝ่ายค้าน และกระชับการควบคุมสื่ออิสระต่างๆ  กลยุทธ์เหล่านี้ยิ่งเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบการเลือกตั้งของกัมพูชา พร้อมกับเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศให้กลายเป็นรัฐที่ถูกครอบงำด้วยพรรคการเมืองพรรคเดียว

The National Assembly of Cambodia. Wikipedia Commons

การแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้ง

กรอบโครงกฎหมายการเลือกตั้งถูกแก้ไขอย่างเป็นระบบเพื่อเอียงสนามการเมืองสร้างความได้เปรียบให้พรรคประชาชนกัมพูชา จำกัดโอกาสของพรรคฝ่ายค้านที่จะมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในการเลือกตั้ง  รัฐธรรมนูญ[9] เป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่วางกรอบโครงเพื่อระบอบประชาธิปไตย  มาตรา 51 กล่าวว่า ประเทศกัมพูชา “ใช้นโยบายประชาธิปไตยเสรีนิยมและพหุนิยม”  ดังนั้น อำนาจทางการเมืองจึงมาจากเจตจำนงของประชาชน  ซึ่งหมายถึงความจำเป็นต้องมีการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมเพื่อตัดสินการกระจายอำนาจทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกตั้งปี 2023  มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อทำลายบทบาทของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง  การแก้ไขมาตรา 19, 82, 106, 119, 137 และมาตรา 3 และ 4 ในกฎหมายรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ได้สั่งห้ามไม่ให้บุคคลที่ถือสองสัญชาติดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมือง เช่น ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี[10]  การแก้ไขเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อบุคคลที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามหลายคนจากพรรคสงเคราะห์ชาติ (Cambodia National Rescue Party—CNRP) ซึ่งตอนนี้ถูกยุบพรรคไปแล้ว  คนเหล่านี้เคยท้าทายอำนาจของพรรคประชาชนกัมพูชาในการเลือกตั้งปี 2013[11] อาทิ สม รังสี ซึ่งถือสัญชาติกัมพูชาและฝรั่งเศส และ Mu Sochua ซึ่งแต่งงานกับชาวต่างชาติ

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ กฎหมายการเลือกตั้งสมาชิกสมัชชาแห่งชาติ (Law on the Election of Members of the National Assembly–LEMNA)[12]  ซึ่งกำกับกระบวนการเลือกตั้งของกัมพูชา  ในปี 2023 มีการแก้ไขเพื่อจำกัดสิทธิ์ของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ไม่ได้มาลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสองครั้งหลังสุด และมีการกำหนดโทษต่อคนที่สนับสนุนการคว่ำบาตรหรือทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ[13]  สำหรับสมาชิกพรรคฝ่ายค้านที่เคยลี้ภัยออกไปจากกัมพูชาเองเพื่อหลีกเลี่ยงคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมืองและไม่สามารถลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา  กฎเกณฑ์ใหม่นี้จึงทำให้พวกเขาขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เป็นการลดทอนความสามารถของพวกเขาในการท้าทายอำนาจของพรรคประชาชนกัมพูชา  การแก้ไขกฎหมายข้างต้นนี้ผ่านสมัชชาแห่งชาติอย่างรวดเร็ว และได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกสภานิติบัญญัติทั้ง 111 คนที่สังกัดพรรคประชาชนกัมพูชาโดยแทบไม่มีการอภิปราย[14]

ถึงแม้ตัวอย่างเหล่านี้ไม่ได้แจกแจงการแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งทั้งหมด แต่ก็คงพอทำให้เห็นภาพยุทธศาสตร์ระดับใหญ่กว่านั้นในการค้ำจุนกรอบโครงทางกฎหมาย ซึ่งเปลือกนอกคล้ายจะธำรงความชอบธรรมไว้ แต่แท้จริงแล้วมุ่งสร้างบรรทัดฐานที่จำกัดการมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้ง อันเป็นกระบวนการที่พรรคประชาชนกัมพูชาสามารถบังคับใช้กฎหมายโดยมีเสียงคัดค้านน้อยที่สุด สืบเนื่องจากการมีเสียงข้างมากเด็ดขาดในรัฐสภา

Kem Sokha and Sam Rainsy merged their parties becoming The Cambodia National Rescue Party (CNRP) in 2012. On 16 November 2017, the Supreme Court ruled to dissolve the CNRP and Kem Sokhla was charged with treason under Article 443 of the Criminal Code. Wikipedia Commons

การใช้กลยุทธ์เชิงบริหารและตุลาการ

การใช้ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองเริ่มมีวิวัฒนาการตั้งแต่กลางทศวรรษ 2000 เป็นต้นมา โดยมีการใช้กลยุทธ์เชิงบริหารและตุลาการมาลิดรอนกำลังของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง  เห็นได้ชัดเจนในช่วงหลังจากการเลือกตั้งทั่วไปปี 2013 และช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี 2018 และ 2023

ในการเลือกตั้งปี 2013 พรรคสงเคราะห์ชาติเป็นผู้ท้าชิงสำคัญรายแรกสุดที่ท้าทายต่อพรรคประชาชนกัมพูชาซึ่งครองความเป็นใหญ่ทางการเมืองมาตั้งแต่ปี 1998  สัดส่วนคะแนนเสียงของพรรคประชาชนกัมพูชาลดลงเหลือ 48.8%  ส่วนพรรคสงเคราะห์ชาติได้คะแนนเสียง 44.4%[15]  หลังจากมีผลลัพธ์การเลือกตั้งที่ฉิวเฉียดขนาดนี้ ก็มีการใช้กลยุทธ์เชิงบริหารและตุลาการเพิ่มมากขึ้นเพื่อบ่อนทำลายบทบาทของฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง  ในปี 2015 สม รังสี อดีตประธานพรรคสงเคราะห์ชาติ ถูกตัดสินจำคุกสองปีในความผิดฐานหมิ่นประมาท หลังจากกล่าวหาพรรคประชาชนกัมพูชาว่าโกงคะแนนเสียงในปี 2013[16]  เขาต้องลี้ภัยออกไปเองจากประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2015[17]

ความพยายามของพรรคประชาชนกัมพูชาที่จะบั่นทอนพลังของพรรคฝ่ายค้านยิ่งเข้มข้นขึ้นในปี 2016 หลังจากมีการลอบสังหารเขม เลย์ (Kem Ley) นักวิเคราะห์การเมืองและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล  หลังจากเขาตายได้ไม่นาน สม รังสีก็ถูกตั้งข้อหาหมิ่นประมาทจากการพูดเป็นนัยว่ารัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเขากล่าวว่ามีแต่รัฐบาลเท่านั้นที่สามารถดำเนินการสังหารแบบนี้ได้[18]  ในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เขาลาออกจากตำแหน่งประธานพรรคสงเคราะห์ชาติ สืบเนื่องจากมีการเสนอแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งให้สั่งห้ามผู้ถูกตัดสินลงโทษในความผิดคดีอาญามิให้เป็นผู้นำพรรคการเมือง[19]

ในปี 2017 เขม โสขะ (Kem Sokha) ผู้ดำรงตำแหน่งประธานพรรคสงเคราะห์ชาติแทนสม รังสีที่ลาออกไป ถูกตั้งข้อหากบฏและสมรู้ร่วมคิดกับต่างชาติภายใต้มาตรา 443 ของประมวลกฎหมายอาญา  เขาถูกกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคิดกับสหรัฐอเมริกาในการล้มล้างรัฐบาล[20] และต่อมาถูกตัดสินลงโทษให้กักบริเวณไว้ในบ้านเป็นเวลา 27 ปีและถูกตัดสิทธิ์จากการมีส่วนร่วมในการเมือง  คณะผู้เชี่ยวชาญจากสหประชาชาติ[21] มีความเห็นว่า การตัดสินครั้งนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง และมีเป้าหมายเพื่อบั่นทอนอิทธิพลของพรรคสงเคราะห์ชาติ  ในเดือนพฤศจิกายน 2017 ศาลสูงสุดของกัมพูชาสั่งยุบพรรคสงเคราะห์ชาติ กล่าวหาว่าพรรคมีส่วนสมรู้ร่วมคิดในการโค่นล้มฮุน เซนโดยมีต่างชาติหนุนหลัง[22]  เมื่อปราศจากพรรคฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง พรรคประชาชนกัมพูชาที่ครองอำนาจในรัฐบาลก็กวาดชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2018 ได้ที่นั่งทั้งหมดในรัฐสภา 125 ที่นั่งด้วยคะแนนเสียง 76.8%[23]

ในบริบทของการเลือกตั้งปี 2023  พรรคเพลิงเทียน (Candlelight Party–CLP) อดีตเคยใช้ชื่อว่าพรรคชาติเขมร (Khmer Nation Party) และพรรคสมรังสี ถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้เข้าร่วมในการเลือกตั้งทั่วไปปี 2023 หลังจากพรรคนี้กลายเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักหลังจากการยุบพรรคสงเคราะห์ชาติ[24]  ช่วงก่อนการเลือกตั้งปี 2023 คณะกรรมการการเลือกตั้งแห่งชาติของกัมพูชาตัดสินว่าพรรคเพลิงเทียนขาดคุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้ง สืบเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับกระบวนการลงทะเบียน  เพราะพรรคเพลิงเทียนยื่นเอกสารสำเนาแทนเอกสารฉบับตัวจริงที่ต้องใช้ในการลงทะเบียน  พรรคเพลิงเทียนโต้แย้งว่า เอกสารฉบับตัวจริงทั้งหมดถูกยึดริบไประหว่างตำรวจเข้าบุกค้นสำนักงานในปี 2017 ทำให้พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในการลงทะเบียน[25]  หลังจากนั้น มีการคุกคามกลั่นแกล้งสมาชิกพรรคอย่างต่อเนื่องโดยใช้วิธีการทางการเงิน  ในเดือนกรกฎาคม 2024 Teav Vannol ประธานพรรคเพลิงเทียน ถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานหมิ่นประมาทหลังจากวิพากษ์วิจารณ์นายกรัฐมนตรีฮุน มาแณต และถูกสั่งปรับเป็นเงิน 1.5 ล้านดอลลาร์[26]

การใช้เล่ห์กลบิดเบือนการเลือกตั้งยิ่งทำให้ฝ่ายค้านเสียเปรียบ  ยกตัวอย่างเช่น ในการเลือกตั้งคอมมูนปี 2022 มีกรณีไม่ชอบมาพากลมากมาย อาทิ บัตรลงคะแนนหาย คะแนนเพิ่มขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ รวมทั้งการนับคะแนนมีการแก้ไขและการลบคะแนนบ่อยมากจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา คณะกรรมการการเลือกตั้งก็แทบไม่ทำอะไรเลยเพื่อป้องกันความผิดปรกติเหล่านี้[27]  โดยรวมแล้ว สภาพการณ์เช่นนี้เอื้อให้พรรคประชาชนกัมพูชาได้เปรียบเหนือคู่แข่งทางการเมืองอย่างมาก ทำให้ฝ่ายค้านอ่อนแอลงจนไม่สามารถแข่งขันในการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม

การควบคุมสื่ออิสระ

การเซาะกร่อนการเลือกตั้งแบบหลายพรรคยิ่งเข้มข้นกว่าเดิม เนื่องจากพรรคประชาชนกัมพูชากระชับการควบคุมสื่ออิสระ โดยเฉพาะหลังจากพยายามรวบอำนาจไว้ในมือภายหลังการเลือกตั้งปี 2013  รัฐบาลพรรคประชาชนกัมพูชามุ่งเป้าจัดการสื่ออิสระ นักหนังสือพิมพ์ และโลกดิจิตัลอย่างเป็นระบบ เพื่อควบคุมเรื่องเล่าแม่บทเกี่ยวกับความรับผิดรับชอบของรัฐบาล  เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อความเป็นธรรมและการแข่งขันในการเลือกตั้ง เนื่องจากมีการควบคุมการไหลเวียนเผยแพร่ของข้อมูลข่าวสารอิสระ และจำกัดความสามารถของฝ่ายตรงข้ามในการสื่อสารกับสาธารณชนอย่างมีประสิทธิภาพ

ในเดือนพฤษภาคม 2008  สถานีวิทยุ Angkor Ratha ถูกสั่งปิด เนื่องจากออกอากาศรายการของพรรคฝ่ายค้านโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาล[28]  ในช่วงปีก่อนการเลือกตั้ง 2018 สถานีโทรทัศน์ TVK ซึ่งเป็นสถานีของภาครัฐ จัดสรรเวลาออกอากาศให้พรรคประชาชนกัมพูชาถึง 84%  ในขณะที่พรรคฟุนซินเปกและพรรคสมรังสีได้รับเวลาเพียง 10% และ 6% ตามลำดับ[29]

ในเดือนกันยายน 2017  หนังสือพิมพ์ Cambodia Daily ซึ่งเป็นที่รู้จักในแง่ของการทำข่าวเชิงสืบสวนและการรายงานข่าวที่วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นคอร์รัปชั่น การละเมิดสิทธิมนุษยชน และการดำเนินงานของรัฐบาล ถูกบีบให้ปิดตัวลงหลังจากถูกเรียกเก็บภาษีเป็นเงิน 6.3 ล้านดอลลาร์[30]  เชื่อกันว่าเรื่องนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองอยู่เบื้องหลัง เมื่อคำนึงถึงผลลัพธ์ของการเลือกตั้งในปี 2013 และจังหวะเวลาก่อนหน้าการเลือกตั้งปี 2018[31]

นอกจากนั้น รัฐบาลยังหมายหัวสถานีวิทยุ Radio Free Asia (RFA) และ Voice of America (VOA) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระชับเพิ่มการควบคุมสำนักข่าวอิสระที่วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชนกัมพูชา  หน่วยงานรัฐสั่งปิดสถานีวิทยุหลายสิบแห่งที่นำรายการของ RFA และ VOA มาออกอากาศ ทำให้เกิดการจำกัดการเข้าถึงข่าวสารที่เป็นกลางอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท[32]  RFA ยุติการดำเนินงานภายในประเทศกัมพูชาไปเลย สืบเนื่องจากถูกกลั่นแกล้งรังควานและการข่มขู่เชิงกฎหมาย แต่ยังคงรายงานข่าวจากประเทศสหรัฐอเมริกา  ส่วน VOA ยังมีการดำเนินงานอยู่ แต่ถูกลดช่องทางการเผยแพร่ลง[33]

ในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 สำนักข่าว Voice of Democracy (VOD) ถูกสั่งปิด หลังจากรายงานเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกรณีที่ฮุน มาแณต ลูกชายของนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพัวพันในบริบทเหตุแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงในตุรกีในปีเดียวกัน  รายงานข่าวกล่าวว่า ฮุน มาแณตอนุมัติทุนช่วยเหลือภัยพิบัติมูลค่า 100,000 ดอลลาร์  ฮุน เซนอ้างว่า รายงานนี้ไม่ถูกต้องและกล่าวหาสำนักข่าว VOD ว่าเผยแพร่ข่าวเท็จที่ทำลายความมั่นคงของชาติ[34]

โครงการ National Internet Gateway (NIG) ก่อตั้งขึ้นในกัมพูชาเมื่อปี 2021  โครงการนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่สะท้อนความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมและกำกับสภาพแวดล้อมของสื่อ ถึงแม้ยังไม่มีการบังคับใช้อย่างเต็มที่มาจนถึงปัจจุบัน   NIG จะรวมศูนย์การไหลเวียนของข้อมูลข่าวสารในอินเทอร์เน็ตทั้งหมดผ่านเกตเวย์ที่รัฐควบคุม วิธีการนี้จะเอื้อให้รัฐบาลสามารถตรวจสอบ กลั่นกรอง และจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ใดๆ ก็ได้[35]  ซึ่งจะเป็นกลไกหนึ่งในการจำกัดการเผยแพร่ข่าวสารของสื่ออิสระและควบคุมการเผยแพร่ข้อมูล  ดังนั้น ความสำคัญของโครงการจึงอยู่ที่ศักยภาพในการปิดกั้นจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล เท่ากับเป็นการสร้างเสริมความสามารถของรัฐในการปั้นแต่งชี้นำความคิดของประชาชน  การควบคุมนี้จะมีผลกระทบเป็นพิเศษในช่วงเวลาที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง เช่น การเลือกตั้ง การมีอำนาจครอบงำความคิดเห็นของสาธารณชนและจัดการเรื่องเล่าแม่บทต่างๆ ในสื่อ ย่อมส่งอิทธิพลต่อผลการเลือกตั้งโดยตรง

Hun Manet (Khmer: ហ៊ុន ម៉ាណែត, Hŭn Manêt [hun maːnaet]; born 20 October 1977) is a Cambodian politician and military officer who has been serving as the prime minister of Cambodia since 2023, succeeding his father, Hun Sen. Wikipedia Commons

สรุป

นับตั้งแต่ปี 1997 เป็นต้นมา รัฐบาลที่มีพรรคประชาชนกัมพูชาเป็นแกนนำได้เซาะกร่อนบ่อนทำลายการเลือกตั้งแบบหลายพรรคอย่างร้ายแรง  ในช่วงต้น การเซาะกร่อนนี้มักใช้ความรุนแรงที่เกี่ยวเนื่องกับการเมืองต่อบุคคลฝ่ายตรงข้าม  แต่ลักษณะนี้ค่อยๆ เปลี่ยนมาเป็นกลยุทธ์ที่ซับซ้อนแนบเนียนกว่าเดิม อาทิ การแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้ง การกลั่นแกล้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด  ผลที่ตามมาก็คือ ถึงแม้การเลือกตั้งในกัมพูชายังคงมีโครงสร้างเปลือกนอกเป็นแบบหลายพรรค แต่พรรคฝ่ายค้านกลับถูกปิดกั้นโอกาสในการแข่งขันที่แท้จริงอย่างเป็นระบบ  การยักย้ายบงการเช่นนี้เอื้อให้พรรคประชาชนกัมพูชาสามารถตั้งตนเป็นพลังการเมืองหลักและสกัดกั้นกระบวนการภาคปฏิบัติตามระบอบประชาธิปไตย

ชุมชนนานาชาติได้ตอบโต้ต่อความเป็นไปนี้ด้วยการกล่าวประณามอย่างแพร่หลายและเรียกร้องให้เกิดความรับผิดรับชอบ แสดงความกังวลอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับเสรีภาพของสื่อและพื้นที่ที่หดแคบลงของผู้ไม่พอใจรัฐบาล  ความพยายามดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่การสนับสนุนและส่งเสริมการริเริ่มของภาคประชาสังคม  อย่างไรก็ตาม ความพยายามเหล่านี้จะได้ผลแค่ไหน ยังไม่มีความแน่นอน อีกทั้งพรรคประชาชนกัมพูชายังคงขัดขืนต่อแรงกดดันจากภายนอกประเทศเพื่อรักษาอำนาจไว้ในมือต่อไป

Marc Piñol Rovira, Asia Centre

NOTES

[1] National Election Committee of Cambodia (NEC) (2023) ‘តារាងលទ្ធផលផ្លូវការនៃការបោះឆ្នោតជ្រើសតាំងតំណាងរាស្ត្រ នីតិកាលទី៧ ឆ្នាំ២០២៣ ថ្ងៃអាទិត្យ ទី២៣ ខែកក្កដា ឆ្នាំ២០២៣ [Official results of the 7th National Assembly Election 2023, Sunday, July 23, 2023]’, NEC, at: https://www.nec.gov.kh/khmer/content/7257.

[2] United States Institute of Peace (2000) ‘Final Act of the Paris Conference on Cambodia’, United States Institute of Peace, at: https://www.usip.org/sites/default/files/file/resources/collections/peace_agreements/final_act_10231991.pdf.

[3] Sorpong Peou (1998) ‘Hun Sen’s Pre-emptive Coup: Causes and Consequences’, Southeast Asian Affairs: 86–102, at: http://www.jstor.org/stable/27912198.

[4] Sorpong Peou (1998) ‘Cambodia in 1997: Back to Square One?’, Asian Survey 38(1): 69–74, at: https://doi.org/10.2307/2645469.

[5] Peter M. Manikas and Eric Bjornlund (1998) ‘Cambodia’s 1998 Elections: The Failure of Democratic Consolidation’, New England Journal of Public Policy 14(1): 145–160, at: https://scholarworks.umb.edu/nejpp/vol14/iss1/11.

[6] Bureau of Democracy, Human Rights, and Labor, US Department of State (1999) ‘Cambodia Country Report on Human Rights Practices for 1998’, US Department of State, at: https://1997-2001.state.gov/global/human_rights/1998_hrp_report/cambodia.html.

[7] Human Rights Watch (2003) ‘The Run-Up to Cambodia’s 2003 National Assembly Election: Political Expression and Freedom of Assembly under Assault’, Human Rights Watch, at: https://www.hrw.org/legacy/backgrounder/asia/cambodia/cambodia061203.pdf.

[8] Radio Free Asia’s Khmer Service (2008) ‘Khmer Journalist, Son, Shot Dead’, Radio Free Asia, at: https://www.rfa.org/english/news/cambodia/shooting-07122008181034.html.

[9] “Constitution of the Kingdom of Cambodia, 1993” (2008), Constitute Project, at: https://constituteproject.org/constitution/Cambodia_2008.

[10] Benjamin Lawrence (2022) ‘Cambodia’s constitutional amendments: Consolidating control and securing succession plans’, ConstitutionNet, at: https://constitutionnet.org/news/cambodias-constitutional-amendments-consolidating-control.

[11] Transparency International Cambodia (2013) Final Election Observation Report on cambodia’s 2013 National Election, Phnom Penh: Transparency International Cambodia, at: https://ticambodia.org/library/wp-content/files_mf/1438020883TICsReporton2013NationalElection.pdf.

[12] “Law on the Election of Members of the National Assembly” (1997), NEC, at: https://www.nec.gov.kh/english/sites/default/files/LEMNA.pdf.

[13] “Law on the Amendment of the Election Law” (2023), OpenDevelopment Cambodia, at: https://data.opendevelopmentcambodia.net/laws_record/law-on-the-amendment-of-the-election-law/resource/74985feb-ed3f-475f-b064-bbbf9d9284e5; Ros,

hea (2023) ‘Cambodia’s amended election law weakens opposition ahead of General Election’, Bower Group Asia, at: https://bowergroupasia.com/cambodias-amended-election-law-weakens-opposition-ahead-of-general-election.

[14] Sopheng Cheang (2023) ‘Cambodian lawmakers approve changes to election law that disqualify candidates who don’t vote’, AP News, at: https://apnews.com/article/cambodia-election-law-amendment-opposition-7c3b279d30dead4520966c64cc9ebbef

[15] NEC (2013) ‘លទ្ធផល​នៃ​ការ​បោះឆ្នោត​ជ្រើស​តាំង​តំណាង​រាស្ដ្រ នីតិកាលទី៥ ឆ្នាំ២០១៣ (ថ្ងៃទី២៨ ខែកក្កដា ឆ្នាំ២០១៣) [Results of the 5th National Assembly Election 2013 (July 28, 2013)], NEC, at: https://www.nec.gov.kh/khmer/category/317.

[16] Pav Suy (2015) ‘Hun Sen slams Rainsy’s election accusation’, Khmer Times, at: https://www.khmertimeskh.com/58905/hun-sen-slams-rainsys-election-accusation.

[17] BBC News (2015) ‘Sam Rainsy: Wanted Cambodian opposition chief delays return’, BBC News, at: https://www.bbc.com/news/world-asia-34835121.

[18] BBC News (2016) ‘Cambodian activist Kem Ley shot dead in Phnom Penh’, BBC News, at: https://www.bbc.com/news/world-asia-36757370.

[19] Sun Narin (2017) ‘Rainsy’s resignation leaves questions lingering over Cambodian politics’, VOA Cambodia, at: https://www.voacambodia.com/a/rainsy-resignation-leaves-questions-lingering-over-cambodian-politics/3721241.html.

[20] Prak Chan Thul (2023) ‘Cambodian opposition figure Kem Sokha sentenced to 27 years of house arrest’, Reuters, at: https://www.reuters.com/world/asia-pacific/cambodian-opposition-figure-kem-sokha-sentenced-27-years-treason-2023-03-03.

[21] Office of the United Nations High Commissioner for Human Rights (OHCHR) (2023) ‘Cambodia: UN experts condemn verdict against opposition leader Kem Sokha’, OHCHR, at: https://www.ohchr.org/en/press-releases/2023/03/cambodia-un-experts-condemn-verdict-against-opposition-leader-kem-sokha.

[22] BBC News (2017) ‘Cambodia top court dissolves main opposition CNRP party’, BBC News, at: https://www.bbc.com/news/world-asia-42006828.

[23] NEC (2018) ‘លទ្ធផលផ្លូវការ​ នៃ​ការបោះឆ្នោត​ជ្រើសតាំង​តំណាងរាស្ត្រ នីតិកាល​ទី​៦ ឆ្នាំ​២០១៨(ថ្ងៃ​ទី​២៩ ខែ​កក្កដា ឆ្នាំ​២០១៨) [Official results of the 6th National Assembly Election 2018 (July 29, 2018)]’, NEC, at: https://www.nec.gov.kh/khmer/category/186.

[24] AP (2023) ‘Cambodia’s only major opposition party is barred from running in July elections’, The Guardian, at: https://www.theguardian.com/world/2023/may/16/cambodias-only-major-opposition-party-is-barred-from-running-in-july-elections.

[25] Lors Liblib and Han Noy (2023) ‘Cambodia’s main opposition party disqualified from July’s national election’, VOA News, at: https://www.voacambodia.com/a/cambodia-s-main-opposition-party-disqualified-from-july-s-national-election/7095320.html.

[26] Reuters (2024) ‘Cambodian politician fined $1.5 mln for defamation after democracy criticism’, Reuters, at: https://www.reuters.com/world/asia-pacific/cambodian-politician-fined-15-mln-defamation-after-democracy-criticism-2024-07-25.

[27] Andrew Califf and Khuon Narim (2023) ‘“Irregularities” in Commune Election vote tallying raise concerns about national elections, NGO says’, CamboJA News, at: https://cambojanews.com/irregularities-in-commune-election-vote-tallying-raises-concerns-about-national-elections-ngo-says; Elaine Pearson (2024), Letter to the NEC Chairman Regarding Alleged Intimidation and Vote Buying in February 25, 2024 Senate Election, Human Rights Watch, at: https://www.hrw.org/news/2024/04/03/letter-nec-chairman-regarding-alleged-intimidation-and-vote-buying-february-25-2024.

[28] Sam Borin, Or Phearith, and Mayarith (2008) ‘Cambodia closes radio station’, Radio Free Asia, at: https://www.rfa.org/english/news/cambodia/cambodia_media-05302008113811.html.

[29] Hana Krupanská and Marc Livsey (2008) Cambodia National Assemblt Election 27th July 2008: Report on the International Election Observation Mission ANFREL, Bangkok, Thailand: Asian Network for Free Elections, at: https://anfrel.org/wp-content/uploads/2012/02/2008_cambodia.pdf.

[30] Kristi Eaton (2017) ‘The Cambodia Daily newspaper closes over disputed Tax Bill’, NBC News, at: https://www.nbcnews.com/news/asian-america/cambodia-daily-newspaper-closes-over-disputed-tax-bill-n799671.

[31] Aun Chhengpor (2017) ‘Shutdown of prominent Cambodia newspaper fuels fears of government crackdown ahead of elections’, VOA Cambodia, at: https://www.voacambodia.com/a/fearless-newspaper-closure-marks-declaration-of-post-truth-era-in-cambodia/4017429.html.

[32] Cambodian League for the Promotion and Defense of Human Rights (LICADHO) (2017) ‘Restricting critical voices on Cambodian airwaves’, LICADHO, at: https://www.licadho-cambodia.org/articles/20170909/148/index.html.

[33] Kann Vicheika (2017) ‘Radio Free Asia closes reporting hub, Cambodians miss “critical” coverage”, VOA Cambodia, at: https://www.voacambodia.com/a/radio-free-asia-closes-reporting-hub-cambodians-miss-critical-coverage/4033504.html.

[34] Kelly Ng (2023) ‘Cambodia’s Hun Sen shuts down independent media outlet Voice of Democracy’, BBC News, at: https://www.bbc.com/news/world-asia-64621595.

[35] Asia Centre (2021) Internet Freedoms in Cambodia: A Gateway to Control, Bangkok, Thailand; Asia Centre and International Center for Not-for-Profit Law, at: https://asiacentre.org/wp-content/uploads/Internet-Freedoms-in-Cambodia-A-Gateway-to-Control.pdf.

Exit mobile version